1.อ้วนทั้งตัว ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีไขมันทั้งร่างกายมากกว่าปกติโดยไขมันที่เพิ่มมิได้จำกัดอยู่ที่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง
2.โรคอ้วนลงพุง[ abdominal obesity] ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีไขมันในอวัยวะภายในช่องท้องมากกว่าปกติ และอาจจะมีไขมันใต้ผิวหนังหน้าท้องเพิ่มขึ้นด้วย
3.โรคอ้วนลงพุ่งร่วมกับอ้วนทั้งตัว มีไขมันมากทั้งตัวและอวัยวะภายในช่องท้อง

1.จะต้องเป็นอ้วนชนิดลงพุง กล่าวคือมีเส้นรอบเอวมากกว่า 90 ซม. 80 ซม.ในชายและหญิงตามลำดับ
และมีภาวะดังต่อไปนี้อย่างน้อย 2 ข้อ
2.ความดันโลหิตมากกว่า 130/85 ,ผู้ที่ได้รับยารักษาความดันโลหิต
3.ระดับ Triglyceride >150 mg% ,หรือผู้ที่เป็นไขมันสูงและได้รับยาลดไขมัน
4.ระดับ HDL > 40,50 mg%สำหรับชายและหญิง ,หรือผู้ที่เป็นไขมันสูงและได้รับยาลดไขมัน
1.ระดับน้ำตาลสูงกว่า 100 mg% หรือผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานชนิดที่2
พบว่าผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง 3 ข้อจะมีอัตราการเกิดโรคหัวใจเพิ่มขึ้น 2 เท่า และพบว่าผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง 4 ข้อจะมีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสมองเพิ่ม 3 เท่า และเกิดโรคเบาหวานเพิ่ม 24 เท่า
การป้องกันโรคอ้วน
ประเทศที่ประสบปัญหาเรื่องโรคอ้วนได้รณณรงค์ให้ประชาชนเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
ส่งเสริมให้ประชาชนออกกำลังกายเพิ่ม แต่ก็มีประชาชนกลุ่มหนึ่งซึ่งจำเป็นต้องได้รับความรู้ปฏิบัติเพื่อให้ลดน้ำหนักลงอยู่ในเกณฑ์ปกติ หากท่านมีดัชนีมวลกายอยู่ในกลุ่มนี้หรือมีโรคประจำครอบครัวดังในตารางข้างล่างท่านต้องป้องกันมิให้น้ำหนักเกิน กลุ่มผู้ที่เสี่ยงต่อโรคอ้วนและควรจะได้รับความรู้ได้แก่
- ใช้ calipers วัดความหนาของไขมันชั้นใต้ผิวหนัง อาจจะวัดที่ท้องแขนเป็นต้น
- Bioelectric impedance analysis โดยการใช้ไฟฟ้าผ่านเข้าไปในร่างกายแล้วคำนวณออกมา
- การใช้ตารางหนักและส่วนสูง
- การคำนวณดัชนีมวลกาย
- การวัดเส้นรอบเอว
- โรคอ้วนลงพุง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น